วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ลอกเลียนแบบ
ตั้งแต่แรกเกิดมา เราไม่รู้จักอะไรเลยซักอย่าง แม้แต่อาการหายใจก็ทำไม่เป็น เพราะตอนอยู่ในท้องแม่ เรารับสารอาหารทั้งหายใจผ่าน"รกแม่" ความรู้สึกแรกเลยตอนที่เด็กทารกคลอดออกมา การที่ต้องสูดอากาศเข้าปอดครั้งแรก ตามสัญชาตญานการเอาชีวิตรอด ลมหายใจแรกที่ผ่านตั้งแต่จมูกลงไปถึงในปอด คงเปรียบเสมือนการเริ่มต้นการแสดงละครชีวิตบทใหม่....อีกครั้ง
เพราะ"ไม่รู้" จึงต้อง"เรียนรู้" กระบวนการเรียนรู้เริ่มเกิดขึ้นอย่างช้าๆ อะไรคือความหิว อะไรคือหนาว เด็กเริ่มเรียนรู้และจดจำ การซึมซับพฤติกรรมจากบุคคลรอบๆข้างก็เกิดขึ้น
เด็กจะมีพฤติกรรมลอกเลียนแบบทั้งอุปนิสัย คำพูด กิริยาท่าทาง จากบุคคลรอบๆตัว จากสภาพแวดล้อม และไอ้ตัวพฤติกรรมลอกเลียนแบบนี้แหล่ะ ที่มันสามารถจะเปลี่ยนกิริยาอาการได้ในระยะเวลาสั้นๆ และรวมไปถึงเปลี่ยนนิสัยใจคอได้ในระยะยาว
ผมเคยสงสัยว่าทำไม เมื่อเราเห็นคนมีอาการ"หาว" เราจะต้อง"หาว"ตามไปด้วย เก็บความสงสัยมานาน จนเมื่อมีพี่"กู(เกิ้ล)" ผมก็ได้คำตอบ ว่าที่เราหาวตามๆกันไปนั้น มันเกิดจากพฤติกรรมลอกเลียนแบบนั่นเอง
ช่วงเรียนปวส. ผมเคยทดสอบพฤติกรรมลอกเลียนแบบจากคนใกล้ชิด กับเพื่อนๆในห้องเรียน
ช่วงคาบเรียนวิชาเขียนแบบ อาจารย์จะทิ้งเวลาให้นักเรียนเขียนงาน2ชม. ช่วงเวลาที่ตั้งใจเขียนแบบอยู่ตอนนี้ ผมจะเริ่มการทดสอบ....
ผมเริ่มร้องเพลง นักโทษประหาร(เพลงของพี่แมว จิรศักดิ์ ดังมากช่วงนั้น) ท่อนฮุก" มันจบแล้ว จบแล้ว อย่าเลย อย่าเสียเวลากับฉันดีกว่า" ผมร้องเบาๆ วนไปวนมา ในใจคิดว่า "ไอ้เก่ง" เพื่อนที่นั่งโต๊ะติดกัน มึงต้องร้องตามกูแน่ๆ
.....
ผมหยุดร้องเพลง นั่งเขียนแบบไปเงียบๆ ซักช่วงแค่อึดใจเดียว
....." มันจบแล้ว จบแล้ว อย่าเล๊ย อย่าเสียเวลากับช้านดีกว่า..." เก่งร้องเพลงตามผมเบาๆในลำคอ
สำเร็จ....!!
แบบนี้ต้องไปลองกับคนอื่นๆอีกเพื่อความแน่ใจ
ผมลุกไปยืนดู"ไอ้เติร์ก"เขียนแบบอยู่ข้างๆมัน ผมร้องเพลงท่อนเดิมระหว่างยืนดูเติร์กเขียนแบบไปด้วย ร้องไป2รอบ และก็ถอยมาแอบฟังห่างๆ ดูซิว่าเติร์กจะร้องตามมั้ย??
.....
.....
นานไปว่ะ หรือว่าจะใช้กับเติร์กไม่ได้ผล
.....
.....
... ."ทำเสร็จแล้ว เสร็จแล้ว อย่าเลย อย่าเสียเวลา กินข้าวดีกว่า" เติร์กเปลี่ยนเนื้อร้องให้เสร็จสรรพ
Yes....!!!
ต่อไป ผมคิดทดลองกับเด็กเนิร์ดๆ และต้องขุดเพลงเก่าๆมาเป็นเพลงทดสอบ
ผมเดินไปหา"เกรียงไกร" เพื่อนที่เนิร์ดที่สุดขณะนั้น ผมทำฟอร์มไปยืนดูเขาเขียนแบบ และก็ร้องเพลง" เทียน ไม่ มี ไฟดับ เสือก เทียน ไม่ มี จะทำไง ไฟดับ เสือก เทียน ไม่ มี ไฟดับ เสือก เทียน ไม่ มี" อ่ะจัดเพลงนี้ไปให้ ดูซิว่าจะออกมาแบบไหน
ถอยมาแอบฟังห่างๆ
....
" เทียน หม้าย หมี่ ฮือ ฮื่ม ฮือ ฮื่ม ฮื้อ ฮือ" เกรียนไกร ฮืมเพลงเบาๆ
เนิร์ดก็เนิร์ดเถอะ เสร็จไปอีกราย
ผมถือว่าการทดลองของผมสำเร็จลุล่วง เป็นที่น่าภูมิใจอย่างมาก
การใส่จังหว่ะ ทำนองเข้าไปในถ้อยคำพูดปรกติ สามารถเปลี่ยนให้ผู้ฟังจดจำประโยคนั้นได้ดีมากขึ้น บางคนฟังเพลงแค่รอบเดียว ร้องตามได้แล้ว แต่ถ้าให้มาลองฟังเป็นคำอ่านแบบประโยคธรรมดา ก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะจดจำได้ทั้งหมด หลักการนี้ถูกนำไปใช้กับการสวดมนต์บทต่างๆด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่ผมแอบสงสัยมานาน ทำไมต้อง"ไทยมุง" พม่ามุงได้ไหม?? และฮังการีจะมาแอบมุงบ้างได้หรือเปล่า?? อยากรู้จริงๆ
ทุกครั้งที่เริ่มมีกลุ่มคนยืมล้อมวงกันเป็นกลุ่ม ทำไมต้องเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาโดยพลัน หรือว่าจิตใต้สำนึกของมนุษย์ จะสั่งให้สมองมีอาการ"เสือก"เป็นอารมณ์ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมอยากรู้ อยากเห็น
บ่ายวันหนึ่งระหว่างรอเข้าเรียน ผมเห็นขี้หมากองหนึ่ง ผมนั่งมองขี้หมากองนี้อยู่นานประดุจมันคืองาน"ศิลปะ"ชิ้นเอก ผลงานชิ้นนี้แยกออกเป็น4ส่วน ส่วนฐานเป็นวัตถุทรงกระบอกโค้งขดเป็นวงกลมงดงาม ส่วนที่2เป็นวัตถุทรงกระบอกวางพาดเป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง ส่วนที่3เป็นวัตถุทรงกระบอกอีกเช่นกันแต่คราวนี้วางพาดทับส่วนที่2เป็นรูปกากบาทอยู่บนฐานวงกลม
เฮ้ย....หรือว่ามันจะบอกใบ้ว่าจุดนี้มีขุมทรัพย์
ไฮไลท์อยู่ที่ส่วนสุดท้าย พี่แกคงสับสนว่าจะพอแล้วหรือจะเบ่งขี้ต่อไปอีก ผลงานจึงออกมาเป็นก้อนแหลมๆอยู่บนกากบาท อารมณ์เหมือนมีวิปครีมมาแปะอยู่ด้านบน นี่มันต้องใช้พรสวรรค์ล้วนๆ ยากที่จะลอกเลียนจริงๆ
ผมนั่งอมยิ้มจ้องมองดูอยู่นาน จนอดใจไม่ไหวต้องลุกขึ้นไปยืมมองใกล้ๆ สันนิษฐานเบื้องต้น ผลงานชิ้นนี้คงถูกแดดเผามานานพอสมควร ดูจากสีภายนอกที่ออกไปทางดำคล้ำแบบนี้ล่ะก็....กรอบนอกนุ่มในแน่ๆ ฟันธง...!!!
ผมยืนมองอยู่ไม่นาน เพื่อนๆก็เริ่มมามุงด้วย
"กูว่าไม่ใช่ขี้หมาว่ะ ต้องเป็นไอ้พวกเด็กศิลป์ช็อปข้างๆ มาแอบขี้ไว้แน่ๆ" เพื่อนท่านหนึ่งวิเคราะห์ได้มีเหตุผล
"ผลงานชิ้นยอดแบบนี้ เอาไปสตาฟเก็บไว้เหอะ" เพื่อนอีกท่านออกความเห็น
เอ่อ...คือมึงเอาไปเก็บไว้ที่หัวเตียงห้องมึงเถอะ
เพื่อนๆต่างวิจารณ์กันไปต่างๆนานา เฮฮากันไป
ไม่นานก็มีไทยมุงเยอะขึ้น ขณะที่สายตาเพื่อนๆจับจ้องผลงานศิลปะอยู่นั้น ....
......
......
"เฮ้ย พวกมึงยืนทำอะไรกันวะ" เสียงเติร์กดังมาจากด้านหลังของผม เติร์กเดินแทรกเข้ามากลางวง โดยที่เติร์กไม่รู้ตัวเลยว่า เติร์กได้ทำลายผลงานศิลปะอันเลอค่าไปซะแล้ว
"ไอ้เติร์กเหยียบขี้.!!!!!!!!!" เพื่อนๆเปล่งเสียงประสานพร้อมกัน
จุดนี้เพื่อนๆเปรียบเหมือนลูกดาร์ก้อนบอล ที่ถูกขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระจายออกไปคนละทิศคนละทาง ทิ้งให้เติร์กยืนนิ่ง งงแดกอยู่คนเดียว
เติร์กออกสเตปท่าเต้น"มูนวอล์ก" ของ ไมเคิล แจ็คสัน ลากขี้เป็นทางยาวไปห้องน้ำ
.....
เติร์กเป็นคน"ขี้"สงสัย จริงๆ
ปล. ขอไว้อาลัยให้ เติร์ก ไว้ ณ ที่นี้
รักเพื่อนเสมอนะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น