วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เก้าอี้
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราหนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่กว่าจะไปถึงจุดสุดท้ายที่ความตาย เราก็ต้องผ่านเรื่องราวของ 3 ข้อแรกซะก่อน ผมคิดว่า "เกิด"และ"แก่" ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะเด็กๆอ่ะ แต่พี่"เจ็บ"นี่สิของจริง..!!
เจ็บ ในที่นี้ก็หมายถึง การเจ็บไข้ได้ป่วย การเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ร่างกายบาดเจ็บ คงไม่มีใครอยากมีโรคมารุมเร้าให้ร่างกายเปื่อยยุ่ยเป็นทิชชูเปียกหรอก และ ณ ตอนนี้ ผมเป็นโรคปวดหลัง
ผมเคยนั่งคิดว่า ผมปวดหลังเพราะอะไร และผมก็พอจะฟันธงได้ว่าเป็นเพราะ ท่านั่ง ของผมนั่นเอง
ผมนั่งเก้าอี้ได้ไม่นาน อาการปวดหลังก็มักจะมาไล่ให้ผมต้องลุกขึ้นเสมอ หรือผมจะเคยทำกรรมไว้กับเก้าอี้...
เก้าอี้พลาสติก จัดว่าเป็นที่นั่ง ชนิดไม่น่าไว้วางใจชนิดหนึ่ง ซึ่งเราๆมักจะมองข้ามความน่ากลัวของมันไป
สมัยม.ต้น ผมและโรจน์ ไปนั่งกินข้าวกันที่ร้านในตลาด ระหว่างรอแม่ค้าผัดข้าวอยู่ เราสองคนก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย โรจน์ชี้มือให้ผมหันหลังไปดูสาวๆที่เพิ่งจะเดินผ่านไป ผมหันไปตามนิ้วชี้ของโรจน์ "เออว่ะ ก็น่ารักดีนะ" ผมหันหลังกลับมาที่โต๊ะ อ้าว..!! โรจน์หายไป เฮ้ย..นี่มึงไปเรียนเล่นกลหายตัวมาเรอะ เช็ดโด้...
"โอยยยย" เสียงโรจน์ครวญครางอยู่ที่พื้น "อ้าว มึงลงไปนอนทำไมล่ะ ง่วงเรอะ??" อาการตกใจที่เพื่อนหายตัวไป เปลี่ยนเป็นอาการเฮฮา
เก้าอี้พลาสติกตัวที่โรจน์นั่งอาจจะผ่านการผลิต ที่ผิดวิธีไปหน่อย คือ เก้าอี้ไม่ได้กรอบหักนะครับ แต่เก้าอี้มันอ่อน แล้วก็งอพับหงายหลังไปเลย ถ้าเก้าอี้หัก มันจะมีเสียงมาเตือนสติเราก่อนสักเสี้ยววินาที ให้เราได้ตั้งตัวทัน แต่นี่อยู่ดีๆพี่แกงอพับหงายหลังไปง่ายๆเงียบๆแบบนี้ ตกหลุมอากาศชัดๆ
มีอีกครั้งที่ผมมีเรื่องตื่นเต้นกับ"เก้าอี้พลากติก"พวกนี้ คืนนั้นผมไปงานศพที่วัดใกล้บ้าน ในศาลามีเก้าอี้พลาสติกจัดวางไว้เรียบร้อย แขกเหรื่อหาที่นั่งกันตามอัธยาศัย ผมเลือกนั่งที่ริมๆ
พระเริ่มสวด...
...
...
....เสียงดัง กร๊อบบ...บ.บ!! ทุกคนในศาลาหันไปตามเสียง ภาพลุงคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นท่ามกลางเศษเก้าอี้พลาสติก เก้าอี้แตก..!!!
ไม่รู้ว่าใครเริ่มหัวเราะก่อนคนแรก แต่ผมก็หัวเราะตามไปด้วยเบาๆ(คนเจ็บนะเว้ย..)
ผมว่าลุงไม่กลัวเจ็บหรอก กลัวเสียฟอร์มมากกว่า ทางเจ้าภาพรีบนำเก้าอี้ตัวใหม่มาให้ลุงนั่งแทน บรรยากาศภายในศาลากลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
พระเริ่มสวด....
...
...
กร๊อบบบบ...บ.บ !! เหมือนรีเพลย์ฉากอีตาลุงคนเมื่อกี้หงายหลังอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นผู้หญิงวัยกลางคน เสียงหัวเราะเข้ามาแทนที่เสียงพระสวดอีกครั้ง (คนล้มมันเจ็บนะเว้ย) นี่เราอยู่ในสังคมที่โหดร้ายอะไรเช่นนี้
ผมกลั้นหัวเราะไว้ กร๊อบบบบ..บบ.บ ผู้หญิงร่างอวบเกือบจะถึงอ้วน หงายหลังไปอีกคน เฮ้ย...!! นี่เรามานั่งเล่นเก้าอี้ดนตรีกันเรอะ เสียงหัวเราะหายไป กลายเป็นเสียงบ่นงึมงำๆ ใจความเสียงคล้ายๆกันทุกคน "เก้าอี้กูมันจะหักมั้ยวะ..."
ไม่ทราบว่าท่านผู้มีเกียรติท่านใด จะได้รางวัลอัมพฤกษ์ตลอดชีพกลับบ้านไปแบบฟรีๆ แต่ผมไม่อยากได้
ตอนนี้หลวงพ่อพักเบรคให้ญาติโยมได้สำรวจเก้าอี้กันกันก่อน เสียงเจ้าภาพพูดออกไมโครโฟน"ถ้าท่านใดคิดว่าเก้าอี้ไม่แข็งแรง ให้มารับเก้าอี้ไปซ้อนอีก1ตัวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงนะคะ" เอ่อ แก้ปัญหาได้ตรงจุดจริงๆ
จุดนั้น ผมยืนขึ้นแล้วลองเอามือกดตรวจเช็คดูความแข็งแรงของเก้าอี้หลายรอบ แต่ก็ไม่ได้ไปเอาเก้าอี้อีกตัวมาเสริม มันคงไม่มากรอบตัวที่กูนั่งหรอกน่า..
พระเริ่มสวดอีกรอบ ภาพบรรดาแขกที่นั่งอยู่ในศาลา อาจจะดูไม่งามตานัก เพราะมีสูง-ต่ำสลับกันไป
นั่งฟังพระสวดไป ความหลอนก็เข้ามาในหัว "มันจะหักมั้ยวะ?" ผมกำจัดความหลอนด้วยวิธีง่ายๆ โดยการนั่งทิ้งน้ำหนักให้ลงไปที่เก้าอี้น้อยที่สุด ....แล้วน้ำหนักที่เหลือไปไหนล่ะ??
อยู่ที่ขากู..
....
....
A B C D E F G
H I J K L M N O P
Q...!!
ตะคริวแดกขา
ผมค่อยๆลุกขึ้น เดินกระเผลกๆออกไปนอกศาลา สรุปคืนนั้นไม่ได้นั่งฟังพระจนจบ ไม่กล้ากลับไปนั่งเก้าอี้หรรษาตัวนั้น กลัวได้ของแถมกลับบ้าน
.........
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น