วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ฉันนั่งตกปลา อยู่ริมตลิ่ง..(4)


            อ็อดตกได้ปลาเกล็ด(ปลาเกล็ดซื้อกลับบ้านได้) แต่พวกเราไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นปลาอะไร ตัวมันอ้วนๆกลมๆไม่เคยเห็น 
         น้านพแกตกปลามานมนาน เรื่อแค่นี้จิ๊บๆ แกเดินมาดูแล้วบอกว่า "ปลานิล" อ็อดเดินไปเรียกให้เจ้าของมาชั่ง กะว่าจะให้เจ้าของบ่อทอดให้กินกันเลย สดๆ สุดยอด..
       เจ้าของบ่อเดินมาก้มดูปลา แล้วก็บอกว่า นี่มันปลา"กระโห้" ในบ่อนี้มีไม่กี่ตัว ไม่ให้เอาออก (อ้าว ไหนกูรูบอกว่าปลานิลไง) อ็อดทำหน้าเหมือนปลากระโห้ แล้วก็ปล่อยปลากระโห้ลงน้ำไป
        บรรดาญาติๆเริ่มจะกลับบ้านกันไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือแค่ ตัวผม น้านพ อ็อด อาร์ม(น้องชาย) รวมกัน4คน นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
       จุดนี้ น้านพเริ่มจะนอกใจเหยื่อสูตรฟ้าประทานมาใช้ขอบขนมปังบ้างแล้ว
        ปลามันถูกเลี้ยงด้วยขนมปัง พอเรามาใช้ขนมปังเป็นเหยื่อ ปลาก็ติดเบ็ดบ่อยขึ้น คันเบ็ดมี4คัน เรานั่งเฝ้าคนละคัน น้านพจะเฝ้าคันเบ็ดคันใหญ่ที่สุด ส่วนคนอื่นเฝ้าคันเล็ก
       ช่วงหัวค่ำตกได้บ้าง หลุดบ้าง ก็สนุกดี เพราะอย่างไงก็ต้องปล่อยกลับลงบ่อ อ็อดกระดกเหล้าหมดแก้ว แล้วบ่นเบาๆว่า"รอให้เจ้าของบ่อกลับบ้านก่อนเหอะ เสร็จกูแน่"
        เจ้าของบ่อพร้อมลูกสาวกลับไปแล้ว สีหน้าของอ็อดเปล่งประกายความชั่วเต็มที่ เรา4คนนั่งวางแผนกันว่า ถ้าตกปลาได้ ให้อาร์มโยนข้ามฝั่งไปให้อ็อดซึ่งจะไปรออยู่ข้างนอกรั้ว อ็อดก็จะรีบโยนปลาขึ้นหลังกระบะที่จอดอยู่หน้ารั้วพอดี ผมทำหน้าที่ไปยืนดูลาดเลาพวกคนงานพม่าเผื่อมันเดินมาเห็น เราตกลงกันตามนี้..
       ทุกอย่างลงตัว รอแค่จะมีปลาผู้โชคร้ายตัวไหนมากินเหยื่อแค่นั้นเอง ไม่นานปลาก็กินเหยื่อ ปฎิบัติการลับสุดยอดก็เริ่มขึ้น น้านพอาสาที่จะเย่อปลาขึ้นฝั่ง อ็อดเดินหน้านิ่งๆออกไปรอข้างนอกรั้ว ผมเดินถือแก้วเหล้าพร้อมฟอร์มว่าคุยโทรศัพท์ไปนั่งดักตรงมุมบ่อ ดูความเคลื่อนไหวของคนงานพม่า อาร์มยืนถือสวิงเตรียมช้อนปลาขึ้นฝั่ง  
       ผมมองไปเห็นอาร์มช้อนปลาสวายขนาดประมาณ 15 กิโลกรัม ขึ้นจากบ่อน้ำ ได้ตัวนี้ไปอิ่มทั้งบ้านแน่ๆ 
       อ็อดสั่งสัญญานให้อาร์มโยนปลาข้ามรั้วมา ผมเห็นอ็อดอ้าแขนรอรับเต็มที่(กลัวปลาตกพื้น) อาร์มจับปลาที่หางชูขึ้นพร้อมจะเหวี่ยงข้ามไป 
        กรรมที่ส่งผลรวดเร็วที่สุดผมจะขอยกให้ข้อ"ลักทรัพย์" เพราะแค่เริ่มจะทำ ใจก็เต้นรัวยิ่งกว่าเสียงเบสในผับซะอีก นาทีนั้นตื่นเต้นเหมือนกำลังปล้นร้านทองที่เยาวราช ผมหันกลับไปมองที่บ้านพักคนงานพม่าครู่หนึ่งเพื่อความชัวร์
        ผมหันกลับมาดู ก็เห็นภาพอาร์ม กำลังชูปลาขึ้น และ....ปล่อยกลับลงบ่อไป 
          อ็อด: เฮ้ย...!!
             น้านพ: เฮ้ย...!!
        อ็อดตาถลน อ้าปากค้าง เหมือนกอลั่มผิดหวังที่ไม่ได้ของรักของข้า โธ่เอ้ย..
        อ็อดเดินกลับมานั่งที่โต๊ะด้วยอาการหงุดหงิด "มึงปล่อยปลาทำไมวะ" อ็อดถาม 
        ในขณะที่อาร์มกระดกเหล้าหมดแก้วแล้ว ตอบเสียงสั่นๆว่า "มันเรียกชื่ออาร์ม"
           มึงจะบ้าเรอะ..!!!
        "มันเรียกอาร์มจริงๆนะ ดัง อั๊ม อั๊ม" จุดจุดนั้น อยากโทรเรียกพี่ริว จิตสัมผัสให้มาดูอาการน้องชายผมด่วนเลย โธ่ อิห่า ปลาสวายพอมันขึ้นมาอยู่บนบกมันก็หายใจปากพะงาบๆ ก็มีเสียงแบบนั้นทุกตัวล่ะเว้ย
         เรานั่งมองหน้ากันไปๆมาๆ แล้วก็หัวเราะกันลั่นบ่อ
         .....
         หรือว่าจะทำบาปไม่ขึ้น ผมและอ็อดเก็บคันเบ็ดแล้วมานั่งกินเหล้าอย่างเดียวดีกว่า ตอนนี้ผมไม่อยากได้ปลากลับบ้านแล้วครับ เข้าใจว่า วินาทีนั้นปลามันไม่อยากตายหรอกนะ อาร์มอาจจะได้ยินว่ามันเรียกชื่ออาร์มเพื่อขอชีวิตจริงๆก็ได้
             อาร์มสัมผัสได้จริงๆค่ะ
          อาร์ม (ญาณทิพย์)
         อ็อดยังคงบ่นๆอยู่ว่า "เราเอามันไปกินไม่บาปหรอกน่า" ถ้าน้านพตกได้อีกตัว ปฎิบัติการลับสุดยอดนี้ มันจะดำเนินการคนเดียวเอง
         เวลาล่วงเลยไป อ็อดเอ่ยปากชวนกันกลับบ้าน น้านพเดินไปจะเก็บเบ็ด แต่แล้ว..ปลากินเหยื่อคันเบ็ดของน้านพ !!  
         อ็อดรีบวิ่งไปถือสวิงรอทันที พร้อมทั้งบอกให้อาร์มนั่งรอเฉยๆ "เดี๋ยวกูุจัดการเอง"
        น้านพเย่อกับปลาตัวนี้อย่างเมามันส์เลยครับ อ็อดก็ยืนลุ้นอยู่ข้างๆกัน น้านพต่อสู้กับปลาตัวนั้นนานมากครับ นานจนอ็อดกลับมานั่งเอามือเกยคางรอที่โต๊ะ
        และน้านพก็ทำสำเร็จ อ็อดต้องใช้สองมือลากสวิงที่มีปลาตัวใหญ่ขึ้นจากน้ำ ตอนนี้อยากจะกรี๊ดให้บ้านแตกซะเหลือเกิน เพราะปลาที่เอาขึ้นมามันตัวใหญ่มาก
        น้านพเดินไปจุดบุหรี่ แล้วก็เดินกลับมาชื่นชมผลงานของแก "ปลาบึก 40-50 กิโลได้มั้ง" แกพูด อย่างเท่..
        ไม่ต้องชื่นชงชื่นชมอะไรแล้วครับ อ็อดฉุดกระชากลากถูกปลาบึกบิ๊กบึ้มตัวนั้นไปที่ริมรั้วแล้ว ภาพอ็อดยกปลาตอนนั้นแม้งโครตขำ คือตัวมันก็ลื่น หนักก็หนัก ยกเดี๋ยวก็หล่น เสื้อผ้าเละครับ 
        อ็อดบอกให้ผมไปรับข้างนอกรั้ว ปลาบึกถูกอ็อดโยนมาข้างนอกรั้ว ผมรีบเปิดฝากระบะท้าย แล้วรีบจับหางปลาเพื่อจะเหวี่ยงขึ้นหลังกระบะ แต่...ผมเหวี่ยงไม่ไหว โครตหนัก  ด้วยความร้อนรน(กลัวคนมาเห็น) อ็อดออกมาช่วยผมยกปลาตัวนั้นขึ้นรถครับ แต่ไม่ได้เอาไว้หลังกระบะนะครับ พวกเราเอาปลาบึกบิ๊กบึ้มไปใส่ไว้ในรถ ตรงเบาะแค๊บ (ไอเดียโครตดี..)
        ผมและอ็อด รีบออกรถไปออกห่างจากจุดนั้นอย่างเร็ว (น้านพและอาร์ม เอารถมาคนละคัน) ขับออกมาได้ซักพัก เริ่มจะตั้งสติได้ เพราะกลิ่นคาวปลาเต็มรถมากๆ  เอ่อ แล้วกูเอาปลามาใส่ในรถทำไมวะเนี่ยะ...
       ปลาบึกตัวยาวนอนขวางอยู่ที่เบาะแค๊บ ผมจอดรถแล้วเอามาใส่ไว้ที่กระบะหลังแทนที่ เอาไงต่อดีวะ ...และอาร์มก็โทรมาให้ไปรับที่บ้านด้วย ผมขับไปรับอาร์ม และไปต่อกันที่บ้านน้านพ
       นาด(ลูกพี่ลูกน้อง) เดินมาดูแล้วอุทาน..โห้!! ขนาดนี้ขายได้หลายพัน ร้านอาหารรับซื้อแน่นอน ผมและอ็อดเริ่มลังเล จะขายหรือจะเอาไว้กินดีกว่ากัน 
       ปลาบึกอึดมากครับ ขนาดผ่านมาเกือบ1ชั่วโมง มันยังไม่ตาย  เราช่วยกันยกปลาไปหลังบ้าน เอาหัวปลาแช่ไว้ในกาละมัง 
        ผมเดินมาหน้าบ้าน เพื่อตกลงกับอ็อดว่าจะเอาไปขายหรือเอาไว้กิน สรุปว่าเราจะเอาไปขาย เพื่อนำเงินมาซื้อเหล้า แต่...
        .....
        โป๊กๆๆ เสียงดังมาจากหลังบ้าน ผมรีบวิ่งไปดู เอ่อ...คือ ตอนนี้น้านพเอามีดตัดหัวปลาออกเรียบร้อยแล้ว
         ....หมดกัน  
        แต่ก็เอาเถอะ เอาไว้กินก็ได้ 
        คืนนั้นน้านพทำปลาบึกผัดฉ่าให้กิน1จานใหญ่ ผมกินไปนิดเดียว ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองผิด ผิดที่ขโมยปลาออกมาจากบ่อ ผิดที่มีส่วนร่วมในการฆ่าปลาบึกตัวนี้
        ทุกชีวิตรักชิวิตตัวเอง ภาพปลาบึกตัวใหญ่ผมยังจำได้ดี ปลาบึกบิ๊กบึ้มตัวนั้นโชคไม่ดีเท่าปลาสวายที่ส่งเสียง"อั๊ม อั๊ม"
        ตั้งแต่วันนั้น จนถึงปัจจุบัน ผมไม่เคยตกปลาอีกเลย
          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น