วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เชื่อ..
ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ที่เราปฎิบัติสืบต่อกันมา ทำให้เราเกิดความเชื่อ เชื่อว่าสิ่งที่ทำต่อๆกันมาเป็นสิ่งที่ดี เขาว่าทำแล้วดี เราก็ทำตาม(แล้ว เขา คนนั้นคือใคร)
ในช่วงเวลา1ปี จะมีวันที่จัดงานตามประเพณีต่างๆ ไม่ว่าจะประเพณีจากพุทธศาสนา ประเพณีจากต่างประเทศ เราก็ทำตามไปด้วย ผมมักจะนั่งคิดว่า ประเพณีนี้ทำไปจะได้อะไร จุดประสงค์หลักคืออะไร ผมมักจะแอบสงสัยอยู่คนเดียวเบาๆ อย่าเชื่อ..จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง
หลายปีก่อน ชีวิตผมถึงช่วงขาลง ทำอะไรก็ดูจะเลวร้ายไปซะหมด พอเกิดทุกข์ ก็เริ่มจะหาที่พึ่งพิง เพื่อนผมแนะนำให้ไปดูดวงต่อโชคชะตา
เรื่องโชคชะตา ผมเชื่อว่ามันลิขิตชิวิตได้ 50% อีก 50% เราเลือกที่จะทำตัวของเราเอง หลังจากไปดูดวงก็ได้แค่ความสุขใจเมื่อหมอดูบอกว่าดี ถ้าหมอดูบอกว่าไม่ดีเราก็กลับมาทุกข์ใจหนักกว่าเดิมไปอีก และถ้าเจอหมอดูหลอกให้แก้ดวง หนักไปทางหลอกแดก ก็เสียเงินเสียทองเละเทะ
แต่มีพิธีกรรมอยู่ชนิดหนึ่ง ซึ่งผมจะได้พบเจอตามสื่อโฆษณา ทั้งรถโฆษณา ใบปลิว ได้อ่านแล้วก็ได้รู้ว่า ถ้าได้เข้าร่วมพิธีจะขจัดสิ่งชั่วร้าย อีกทั้งยังปกป้องคุ้มครองให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ
"พิธีสวดภาณยักษ์" ฟังแค่ชื่อก็น่ากลัวแล้ว ผมตัดสินใจจะไปร่วมพิธีนี้ ที่วัดแห่งหนึ่งห่างจากตัวเมืองไปหลายกิโลเมตร ผมชวน เจ๊ต๋อม และ อาร์ม ไปร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วย
จากข้อมูลใบปลิวโฆษณา พิธีจะเริ่มตอน1ทุ่ม ผมออกเดินทางไปตั้งแต่5โมงเย็น ไปถึงสถานที่จัดงาน พวกผมตรงเข้าไปที่ศาลาจัดพิธีทันที ตอนนั้นด้วยเสียงของโฆษก ที่คอยพูดบิ้วอารมณ์ให้รู้สึกเข้มขลัง บวกด้วยสภาพแวดล้อมตอนนั้น ทำให้ผมแอบกลัวอยู่เล็กๆ
เดินเข้าถึงศาลา ก็เจอซุ้มบูชาพระราหู ต้องไปเปลี่ยน(ซื้อ)ของเซ่นไหว้ชุดละ100บาท อ่ะ..จัดไป เพื่อความเป็นศิริมงคลก่อนเข้าพิธี ต่อมาก็ต้องบูชาขันครู และอื่นๆอีกมากมาย บรรยากาศภายในศาลา มีสายสิญจน์ขึงเป็นตารางและปล่อยห้อยลงมาเป็นวงๆ เพื่อให้ครอบที่ศรีษะผู้ร่วมพิธี ผมเลือกที่จะนั่งแถวกลางๆ แต่ระหว่างนั่งรอพิธีเริ่ม โฆษกก็จะชวนให้ไปทำบุญกับซุ้มต่างๆที่ตั้งอยู่รอบศาลา
ผมได้ดูคลิปการสวดภาณยักษ์มาก่อน เมื่อถึงช่วงพระสวดทำพิธี ใครที่มีของ ก็อาจจะมีอาการ"ของขึ้น" อากัปกิริยาก็แล้วแต่ว่าท่านใดมีของชนิดใด กระโดดโลดเต้นหรือนั่งสั่นงันงก ก็แล้วแต่สเตปใคร สเตปมัน
ผมสงสัยว่า พวกที่ของขึ้นในงานแบบนี้ มันเป็นของจริงหรือเปล่า?? ทำไมต้องขึ้น?? หรือว่าโดนจ้างมาทำให้พิธีดูขลัง(ความคิดส่วนตัวนะจ๊ะ)
แต่ก็เอาเถอะ เดี่ยวพิธีก็จะเริ่มแล้ว เดี๋ยวรู้แน่...
ตั้งแต่บรรทัดต่อไปนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ผู้คนเริ่มหนาตาขึ้น กะด้วยสายตาแล้วน่าจะประมาณ50-60คน พระสงฆ์นั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อย ทุกคนนำสายสิญจน์มาคล้องไว้ที่หัวตัวเอง ผมแอบตื่นเต้นเล็กๆ เผื่อว่าผมอาจจะมีของหรือพลังลึกลับที่หลับใหลอยู่ในตัว รอเวลาที่จะระเบิดพลังสูงสุดขึ้นมาในคืนนี้ก็เป็นได้...
....
....
เอาสิ เริ่มเล๊ย
......เสียงอีตาโฆษกประกาศให้ผู้ร่วมพิธีช่วยกันเช่า(ซื้อ)นางกวัก มีอยู่5องค์ ในราคา499บาท
เฮ้ย !! นี่จ้องจะขายของอย่างเดียวเลยเรอะ??
ผู้ร่วมพิธีนั่งเงียบ ไม่มีใครสนใจที่จะเช่านางกวักเวอร์ชั่นอ้วนจ้ำม่ำ โฆษกออกอาการหงุดหงิด "ถ้าเงียบๆแบบนี้เราขอคิดค่าบูชาแค่399บาท" โห้...ลดราคากันเห็นๆ
แต่ผู้ร่วมพิธีก็ยังนั่งเงียบ
"ผมขอเปิดราคาสุดท้ายที่299บาท" เสียงโฆษกพูด แหม่... ลดกระฉูดรูดราดขนาดนี้กันเลยทีเดียว แต่ผู้เข้าร่วมพิธีก็ยังคงนั่งเฉย ผมเริ่มจะสงสัยเพิ่มเข้าไปอีก นี่มันมีธุระกิจแฝงเข้ามาร่วมด้วยสินะ ดูท่าทางแล้ว ถ้าไม่มีใครเช่านางกวักซักองค์ คงไม่ได้เริ่มพิธีแน่
ผมนั่งรอจนพลังลึกลับในตัวผมหดหายไปแล้วล่ะ ความน่าเบื่อเข้ามาแทนที่ความขลัง สุดท้ายไม่มีใครซื้อ นั่งรอไป15นาที แล้วพระก็เริ่มสวด...
ผมนั่งฟังพระสวดไปเรื่อย ผมใช้สายตาจ้องจะจับผิดคนรอบๆตัวผม ดูซิว่าใครจะของขึ้นบ้าง พระสวดจบ อ้าว...ไม่มีใครขึ้นเลยอ่ะ แอบเสียใจนิดๆ
ทำไมพิธีจบเร็วจัง ผมบ่นพึมพำ เสียงหลวงพ่อพูดออกไมโครโฟนว่า "พิธีสวดภาณยักษ์ จะเริ่มขึ้นต่อไปนี้" (อ๋อ..ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ) หลวงพ่อพูดเตือนเรื่องครูบาอาจารย์สำหรับผู้สักยันต์ อาจจะของขึ้นได้ ให้ตั้งสติให้มั่น คิดถึงแต่คุณงามความดี แล้วจะผ่านพิธีนี้ไปได้ด้วยดี
ผมเหมือนโดนกล่อมให้พิธีนี้ดูน่ากลัวขึ้น และผมก็คิดว่าหลายๆคนกลัว แล้วพิธีก็เริ่มขึ้น เสียงประทัดดัง เสียงกลองดัง เสียงพระก็เริ่มสวด..
เสียงสวดดังโหยหวนมากครับ เหมือนว่าฝ่ายมิกซ์เสียงจะปรับให้เสียงไมโครโฟนดังขึ้นกว่าช่วงแรก หูจะแตกครับตอนนี้ ไหนจะเสียงประทัด เสียงกลอง ใครขี้กลัวก็นั่งหลับตาปี๋กันเลยล่ะ
ผมนั่งลืมตาคอยมองว่าใครจะของขึ้นคนแรก (ออกแนวจ้องจับผิด) เสียงบทสวดยังคงดังโหยหวนต่อไป
อ๊ะ...หญิงสาวที่นั่งห่างจากผมไป3ช่วงตัว เริ่มตัวสั่น ร้องไห้ แล้วแกก็ลุกขึ้นยืน!! จุดนี้ผมยังเฉยๆนะ คิดว่า โดนจ้างมาแน่ๆ เพราะสเตปการสั่นและแอคติ้งการร้องไห้ผมยังไม่ให้ผ่าน
พระรูปหนึ่งรีบเดินมาพร้อมลูกศิษย์อุ้มขันน้ำมนต์มาด้วย หลวงพ่อใช้กำคา(หญ้าแห้งมัดรวมเป็นกำ)จุ่มน้ำมนต์และก็ประพรมไปที่หัวของหญิงคนนั้น 1ครั้ง หญิงก็ยังคงร้องไห้ต่อไป ตอนนี้เพื่อนที่มากับหญิงคนนั้นต้องจับตัวกันจ้าล่ะหวั่น หลวงพ่อพรมน้ำมนต์ไปอีกครั้ง "ฮือๆๆ " เสียงหญิงร้องไห้ หลวงพ่อเพิ่มความแรงในการพรมน้ำมนต์ไปที่หัวของหญิงสาว เรียกว่าฟาดหัวน่าจะเหมาะสมกว่า ตอนนี้ไม่มีน้ำมนต์แล้วครับ หลวงพ่อฟาดหัวหญิงสาวรัวๆกันเลย
ได้ผล..!! หญิงสาวนั่งลง อาการสงบนิ่ง หลวงพ่อฟาดหัวไปอีก2ทีเพื่อความชัวร์ ทุกอย่างเข้าสู่ความปรกติ เสียงสวดยังโหยหวนต่อไป
ผมยังคงกวาดสายตามองหาผู้ที่จะของขึ้นรายต่อไป และไม่นานก็มาอีก1คน คราวนี้เป็นชายวัยกลางคน ลุกเต้นกระโดดไปๆมาๆ หลวงพ่อท่านเดิมรีบปรี่เข้าหาเป้าหมายทันที แต่คราวนี้ กำคาและขันน้ำมนต์ไม่ต้อง ท่านใช้มือตบไปที่หลังของชายคนนั้น ปากก็ท่องคาถาพร้อมกันไปด้วย ตบไป3ที จอดเลยครับ นั่งนิ่ง..
ตอนนั้นผมคิดว่า คนที่ของขึ้นคงถูกจ้างมาแน่นอน ผมนั่งฟังพระสวดไปเรื่อย แต่แล้วเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น
น้องชายของผมที่นั่งติดกับผมด้านขวามือ เริ่มนั่งตัวสั่น ผมหันไปมองอาร์มที่นั่งพนมมือก้มหน้าหลับตาตัวสั่น เหมือนแผ่นดินตรงตูดที่อาร์มนั่งอยู่จะมีอาการแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ริกเตอร์ อาการสั่นเริ่มรุนแรงขึ้น จุดนั้นผมเป็นห่วงน้องอยากจะเรียกให้หลวงพ่อมาช่วยน้องชายโดยด่วน หันหลังจะไปเรียกพลวงพ่อ โอ้....ไม่ต้องเรียกแล้วครับ หลวงพ่อมายืนรอข้างหลังเราแล้ว (เร็วจัด)
หลวงพ่อท่องคาถางึมงำๆ ลูกศิษย์เข้ามายึดอาร์มไว้ให้อยู่นิ่ง หลวงพ่อตบหลังไป2ผัวะ อาร์มยังคงออกสเตปบีบอย นอนดิ้นวนไปวนมาไม่หยุด หลวงพ่อพูดว่า"ไม่หยุดเหรอ เปิดเสื้อมันออก" ลูกศิษย์รีบเปิดเสื้ออาร์มขึ้นทันที ผมเห็นรอยสักหนุมานของอาร์ม มันนูนแดงขึ้นมาอย่างชัดเจน หลวงพ่อตบลงไปที่รอยสักอย่างแรง จากรอยสักที่นูนแดงก็กลับเป็นสีดำตามปรกติ เหลื่อเชื่อ..!!
อาร์มนั่งก้มหน้านิ่ง ผมสะกิดอาร์มเบาๆ อาร์มลืมตาขึ้นเหมือนเพิ่งตื่นนอน ผมถามว่าเมื่อกี้เป็นอะไร อาร์มตอบว่า "ไม่รู้เรื่องเลย" เฮ้ย...นี่มันง่ายไปมั้ย
อาร์มยังคงนั่งฟังพระสวดต่อไป ผมยังแอบหวั่นๆว่าอาร์มจะมีอาการอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหรือเปล่า
เสียงบทสวดสิ้นสุดลง หลวงพ่อเดินมาประพรมน้ำมนต์ให้ผู้เข้าร่วมพิธีทั่วทั้งศาลา เสียงโฆษกเจ้าเดิมเชิญชวนให้เจิมหน้าเสริมศิริมงคลที่บูทที่1 และมีอีกหลายๆบูทให้เราได้เลือกสรรเสริมโชคชะตาบารมี
อาร์มเลือกเข้าบูทครอบเศียรพ่อแก่ ผมก็ไปยืนต่อแถวด้านหลังของอาร์ม หลวงพ่อหยิบเศียรมาครอบหัวทีละคน ผู้ที่ถูกครอบนั่งคุกเข่าพนมมือ หลวงพ่อท่องคาถางุบงิบๆ ไม่นานก็เสร็จพิธี
ถึงคิวอาร์มแล้ว อาร์มนั่งคุกเข่าพนมมือ หลวงพ่อยกเศียรพ่อแก่มาครอบ .....อาร์มสั่นเป็นเจ้าเข้าอีกแล้ว!!! นี่ไง..อาฟเตอร์ช็อก
หลวงพ่อรีบยกเศียรพ่อแก่ออกทันที อาร์มนั่งหลับตาสงบนิ่ง เฮ้ย..นี่มันฉากเดิมตอนเมื่อกี้เลยนี่หว่า อาร์มค่อยๆลืมตาขึ้น ผมถามคำถามเดิม"เมื่อกี้เป็นอะไร" และอาร์มก็ตอบเหมือนเดิม"ไม่รู้เรื่องเลย"
ผมไม่ได้ครอบเศียรพ่อแก่ต่อจากอาร์ม ผมยังมีคำถามมากมายที่ต้องถามน้องชายผม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่คำตอบที่ได้ก็คือ มันไม่รู้เรื่องเลย เหมือนวูบหลับไป
ผมขับรถกลับบ้านด้วยอาการสงสัย ทำไมของต้องขึ้น?? รอยสักหนุมมานของอาร์มที่เปลี่ยนสีจากแดงเป็นดำได้อย่างไร?? หรือว่าการสักยันต์ตัวเราจะเป็นสื่อกลางให้องค์ทั้งหลายมาควบคุมกายหยาบเราได้??หรือว่าเป็นเพราะจิตอ่อน?? โอ้ย...เยอะ
มีหลายสิ่งที่คนเราไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยสมอง ถึงจะค้นคว้าหาคำตอบเพียงใดก็คงไม่ได้คำตอบ ยิ่งคิดก็ยิ่งสบสน นี่สินะที่เรียกกันว่า "อจินไตย"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ทราบหรือไม่ค่ะ ว่าอาการนั่งสมาธิแล้วมีอาการโยกซ้ายทีขวาทีเป็นอาการของอะไร และถ้าเราฝืนก็จะกลายเป็นโยกหน้าโยกหลังแทน ถ้าฝืนมากๆอาการโยกหน้าโยกหลังก็จะรุนแรงขึ้น สัมผัสรู้ว่าเกิดอาการอะไรกับตัวเองแต่ออกจากสมาธิไม่ได้ ตายังคงหลับอยู่ คิ้วขมวดเข้าหากันเพราะพยายามฝืนอาการ
ตอบลบ