ผมเคยเลี้ยงหมาชื่อหมี เลี้ยงหมาไม่ยุ่งยากเหมือนเลี้ยงหมี ผมจึงเลือกที่จะเลี้ยงหมาชื่อหมี เลี้ยงให้อ้วนพี ให้เหมือนหมีในร่างหมา..
หมาเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของสัตว์ที่เรียกตัวเองว่า"มนุษย์" ไม่ว่าหมาจะจำแนกแยกแยะ ออกเป็นหลากหลายสายพันธุ์ คนเราก็เสาะแสวงหามาเลี้ยงได้ ทั้งตัวเล็กจิ๋วน่ารัก ไปถึงตัวใหญ่ยักษ์นิสัยดุร้าย
หมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ดำเนินชีวิตไปตามอารมณ์ความรู้สึก ไม่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี หิวก็ร้องหรือแสดงท่าทางอาการว่าหิว เจ้าของก็จะเอาอาหารมาให้กิน กินอิ่ม...ก็นอน ผิดกับหมาจรจัด เมื่อท้องหิว ก็ต้องหากินตามถังขยะบ้าง เดินโซซัดโซเซไปตามบ้านเรือน น่าสงสาร...
ธรรมชาติออกแบบให้สิ่งมีชีวิตแรกเกิดแทบทุกชนิด มีรูปร่างน่าชมน่ามอง หมาก็เช่นกัน แรกเกิดมา น่ารักเหลือเกิน พอโตๆไป ขี่เหร่สุดโลก ทางออกสุดท้าย เปลี่ยนที่อยู่ให้ใหม่ ...เอาไปปล่อยวัด
เพราะว่าหมาเป็นเดรัจฉาน การผสมพันธุ์จึงไม่มีการแยกแยะ ทั้งผสมกันเอง ทั้งผสมข้ามสายพันธุ์ ผลลัพธ์ที่ออกมา สวยงามน่ารัก ก็มีราคาค้าขายกันเป็นอาชีพได้ แต่หมาตามข้างทาง ผสมพันธุ์กันมั่วซั่วไปหมด ผลที่ออกมามันก็น่าตื่นตาตื่นใจเช่นกัน
ผมเคยเห็นผลของการฟิวส์ชั่น ระหว่างหมาพันธุ์พุ๊ดเดิ้ลกับพันธุ์ทางบ้านๆ ผลที่ออกมา(ตอนแรกเกิดมันคงน่ารักแหล่ะ) แต่ร่างตอนโตเต็มวัยเป็นหมารูปร่างเท่าหมาไทยแต่ขนยาวหยิกเหมือนพุ๊ดเดิ้ล เอาคะแนนความขี้เหร่ไป10/10 ขำทุกครั้งที่เห็น..
วัฏจักรวงจรชีวิตของหมา เวลาเร็วกว่ามนุษย์7เท่า ทั้งระบบร่างกายและความคิด แค่เราออกจากบ้านไปทำงาน1วัน แล้วกลับมาหาหมาที่เลี้ยงไว้ มันจะดีใจสุดๆเพราะว่าความคิดของมันคือ เราจากมันไปนานถึง7วัน
ผมจำไม่ได้ว่าที่บ้านผมเคยเลี้ยงหมามากี่ตัว แต่ตัวที่อยู่มานานที่สุด คือ "หมี" แม่ได้หมีมาจากคนรู้จักแถวๆบ้านพักทหาร ที่แม่ไปเก็บน้ำข้าวมาเลี้ยงหมู (ไม่งงนะ) แม่กลับบ้านมาพร้อมกับลูกหมาสีดำ2ตัว ตัวผู้และตัวเมีย
ช่วงนั้นบ้านแม่กับบ้านยายอยู่ห่างกัน แม่จึงแยกหมาไปเลี้ยงที่บ้านแม่ตัวนึง หมีอยู่ที่บ้านยาย ตอนนั้นบ้านของแม่ไม่ค่อยมีคนอยู่ เช้าก็ต้องออกมาทำงานหมามันจึงไปอาศัยอยู่บ้านข้างๆแทน สรุปน้องสาวของหมี เพื่อนบ้านของแม่รับอุปการะไปโดยปริยาย
หมีเป็นหมาที่มีลิ้นสีดำ ขนก็ดำสนิททั้งตัว เป็นที่ต้องตาต้องใจของ "ตาโอ"(เจ้าของร้านขายของชำหน้าปากซอย) แกเคยมาขอซื้อไอ้หมี ให้เหตุผลว่า หมาดำลิ้นดำ กินแล้วดี... แต่ยายยืนยันแบบหนักแน่นว่าไม่ขาย ฉันก็รักของฉันเข้าใจใช่ไหม...
หมีเติบโตมาด้วยความรักจากห้วงความอ่อนโยนของคุณยาย เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นหมีมันก็ห้าวตีนตามประสา อาณาเขตบริเวณรอบๆบ้าน ก็จะมีก๊กแก็งค์หมาเจ้าประจำอยู่หลายสำนัก แต่หมีมาเดี่ยว...และลุยเดี่ยว!!
หมีมักจะมีบาดแผลกลับมาฝากให้ยายต้องปวดใจเสมอ ยายห่วงหมีมาก การปกป้องหมีจึงเกิดขึ้น ยายใช้เชือกผูกล่ามหมีไว้ใต้ต้นมะม่วงในบ้าน แต่ด้วยพละกำลัง แค่เชือกเส้นเล็กๆน่ะเรอะ หึหึ เอาหมีไม่อยู่หร๊อก..หมีมันจะเล็ดลอดออกไปฟาดฟันกับแก็งค์หมาข้างๆบ้านตลอด ไม่ต่างกับพวกเด็กช่างฯในกรุงเทพฯ
ยายครุ่นคึดถึงวิธีจะหยุดความรุนแรงของหมี จะหัดให้หมีไปทำท่าซารางเฮโยน่ารักแบ๋วๆก็คงจะยากเกินไป สุดท้าย ยายเลือกใช้โซ่ล่ามคอหมีไว้ที่ใต้ต้นมะม่วงเช่นเดิม
เกินพลังที่จะหลุดจากโซ่ตรวนได้ หมีต้องนอนจมอยู่กับความเศร้า ด้วยความรักของยาย เห็นหมีซึมบ่อยๆยายก็เลยกร่อยๆ ยายก็ปิดประตูหน้าบ้านและก็ปล่อยให้หมีเป็นอิสระอยู่ภายในรั้วบ้าน ช่วงแรกๆหมีก็แฮ้ปปี้ดี แต่เลือดนักสู้ที่อยู่ข้างในมันพุ่งพล่าน ไหนจะพวกแก็งค์ข้างๆบ้านจะแวะเวียนมาฉี่ทีหน้าประตู ลบเหลี่ยมกันแบบนี้ มันต้องแหลกกันไปข้างนึงสิวะ
หมีหาวิธีจะออกไปจัดการสั่งสอนไอ้พวกหมาข้างๆบ้าน และหมีก็ใช้หัวดันประตูบ้านหนีออกไปเข้าสู่สงคราม นักรบต้องมีบาดแผล หมีก็เช่นกัน หมีถูกรุมกัดจนเป็นเรื่องชาชิน แต่ครั้งนั้นรุนแรงจนทำให้อัณฑะขาดหายไป1ข้าง
หมีกลับมานอนเลียไข่ที่เหลืออยู่ข้างเดียวใต้ต้นมะม่วง สังเกตุจากบาดแผลถ้าปล่อยหมีไว้แบบนี้คงต้องจบชิวิตนักเลงภายในไม่กี่วันแน่นอน ยายจึงมอบภาระให้ลูกหลาน พาหมีไปพบแพทย์โดยด่วน..!!
การอุ้มหมีขึ้นหลังรถกระบะไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่ผมต้องนั่งหลังกระบะไปกับหมาเมารถ จุดนี้ทำใจยากจริงๆ หมีเมารถแบบรุนแรง ยืนโงนเงน ล้มลุกคลุกคลาน น้ำลายยืดย้อย ถ้าไอ้พวกแก็งค์หมาข้างบ้านมาเห็นภาพนี้ มันคงเอาไปล้อไอ้หมียั้นลูกบวช
รถมาจอดหน้าโรงพยาบาลสัตว์ประจำจังหวัด หน้าห้องมีหมา-แมวมารอตรวจหลายตัว ชิสุตัวเล็กๆ แมวเปอร์เซียขนฟู โกลเด้นตัวโตที่นอนหมอบอยู่ข้างเท้าเจ้าของ ผมอุ้มไอ้หมีลงจากรถ หมียืนตั้งสติอยู่แป๊บนึง อาการเมารถเริ่มดีขึ้น ผมเอาโซ่มามัดรอบมือให้แน่นหนาเพราะสถานการณ์ข้างหน้าตึงเครียดแน่นอน
วงแตก...!!! ผมยึดไอ้หมีสุดแรง เพราะมันวิ่งกระโจนใส่หมาแมวที่นั่งรอตรวจมั่วไปหมด มันจะโหดไปไหนของมัน สุดท้ายต้องลากมันออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก ถึงคิวหมีต้องเข้าตรวจ หมอยังกลัวหมาเลยครับ ต้องเอาเชือกมารัดปากมันไว้ แต่มันก็ยังดิ้นสู้เพราะอาการเจ็บแผล สุดท้ายหมอหาทางออกให้โดยการวางยาสลบ
หมีโดนตัดพวงอัณฑะทิ้งทั้งหมด หมอเย็บแผลให้เรียบร้อย หมีสะลึมสะลือตื่นมาที่ใต้ต้นมะม่วงภายในบ้าน หมีต้องใส่คอลล่าร์ ปลอกคอกันเลียแผล และหมีกลายเป็นโทรโข่งเคลื่อนที่ไปโดยปริยาย
ผลจากการถูกตัดไข่ทิ้ง จะเรียกว่าถูกตอนก็ว่าได้ รูปร่างหมีเริ่มอวบอั๋น จากร่างกายที่กำยำบึกบึน หมีรักษาบาดแผลอยู่หลายวัน สุดท้ายแผลก็หายสนิท หมีกลายมาเป็นหมาอ้วนๆตัวนึง..
ยิ่งหมีถูกล่ามโซ่ไว้นานขึ้น ความเครียดก็มากขึ้น หมีกลายเป็นหมาที่มีดีกรีความดุร้ายระดับ7 ดุชนิดที่ใครผ่านหน้าบ้านก็เห่า ใครไป-มาที่บ้านกลัวขี้หดตดหายกันหมด
หลังจากเหตุการณ์นองเลือดจนใข่หายไป1ข้าง หมีไม่ได้ออกมาโลดแล่นนอกอาณาเขตบริเวณบ้านอีกเลย ยายกลัวว่าจะเกิดเหตุการซ้ำซากขึ้นมาอีก แต่ยายก็สงสารหมีมาก และยายก็หาหนทางให้หมีได้ออกมาระบายความเครียดนอกบ้านได้อีกครั้ง
ทุกๆวันเวลา2ทุ่มกว่าๆ ยายจะเปิดประตูปล่อยให้หมีได้โลดแล่นไปทั่วหน้าบ้าน กลิ่นฉี่ใครมาฉี่ไว้ใกล้ๆ หมีต้องตามไปฉี่ทับกลบรอยให้หมด ไอ้พวกหมาแก็งค์คู่อริก็จ้องจะเข้ามารุมหมีเช่นเคย แต่ติดที่มีคุณยายคอยถือไม้กายสิทธิ์ คอยปกป้องหมีให้ปลอดภัยอยู่เสมอ นี่สินะความรักที่ยายมีให้หมีอย่างท่วมท้น
วันหนึ่ง...พี่ชายผมซื้อหมาพันธุ์ค๊อกเกอร์ มาจากสวนจตุจักร และตั้งชื่อว่า"ก็อง" ตั้งแต่ก้าวแรกที่พี่ชายอุ้มลูกหมาเข้ามาในบ้าน หมีแสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเอาก็องไปวางไว้ตรงไหน หมีจะตามไปก่อกวนและมีแนวโน้นว่าจะทำร้ายก็อง สุดท้ายต้องเอาก็องขึ้นไปอยู่บนชั้น2ของบ้าน
กว่าหมีจะยอมรับก็อง ก็ใช้เวลาหลายวัน บางทีหมีนอนกลางวันอยู่ ก็องมันก็เดินมาชวนไอ้หมีเล่นตามประสาลูกหมา แต่สิ่งที่ก็องได้กลับมา คือเสียงขู่ ประมาณว่า "อย่ามายุ่งกับกู"
ก็องเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่ม หมีก็เติบโตเข้าสู่วัยชราภาพ แต่หมีก็ยังคงความเก๋าไว้เช่นเคย กิจกรรมของคุณยายเวลาสองทุ่มก็ยังคงปฎิบัติอยู่เหมือนเดิม หมีมันแก่ไปมาก เดินวนๆอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้านสักเท่าไหร่ แต่อีตัวที่วิ่งเฉิดฉายไปทั่วคือไอ้ก็อง
คืนหนึ่ง... ผมไปยืนดูไอ้หมีและไอ้ก็องแทนคุณยาย หมีวิ่งฉี่อยู่แถวหน้าบ้าน ไอ้ก็องวิ่งหายไปในความมืดตามประสาวัยรุ่น สักพักก็องวิ่งกระหืดกระหอบมาซุบซิบกับหมี ผมยืนสังเกตุการณ์อย่างเงียบๆ ก็องวิ่งออกไปอย่างเร็วโดยที่มีหมีวิ่งตามไปด้วย ...ผมก็วิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง
ก็องวิ่งมาหยุดที่บ่อนไก่ร้างห่างจากบ้านไม่ไกล หมีวิ่งตามมาแต่ไม่หยุดที่ไอ้ก็อง หมีตรงปรี่เข้าไปที่หมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดตัวใหญ่ยักษ์ หน้าตามันดูโง่ๆ ยืนงงๆอยู่ข้างบ่อนไก่ ผมตกใจมาก กะว่าไอ้หมีมันเล่นของใหญ่แน่ แต่ผมอยู่ห่างเกินกว่าจะไล่หมีไม่ให้ทำร้ายไอ้หมาผู้โชคร้ายตัวนั้น
ภาพไอ้หมาหน้าโง่ตัวใหญ่โดนไอ้หมีกัดซะเละเทะผุดมาในหัวของผม ในขณะที่ผมวิ่งสุดชีวิตเพื่อจะเข้าห้ามศึกใหญ่ครั้งนี้...
หมีวิ่งปรี่เข้าไป !! เข้าไปหยุด!! มองหน้ากัน ตัวนึงหน้าโง่ๆสูงใหญ่ ตัวนึงหน้าโหดๆเตี้ยกว่าเยอะ สบตากัน ไอ้เซนต์เบอร์นาร์ดมันก็เบือนหน้าหนีไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย หมีทำได้แค่เดินตามไปดมตูดเขาเท่านั้น โธ่...ไอ้ก็องมันคงหมดศรัทธาในตัวลูกพี่มันก็วันนี้แหล่ะ คิดว่าจะแน่
ก็องเดินคอตกกลับบ้าน ..
หมีเป็นหมาที่กลัวน้ำมากๆ แต่ถ้าต้องโดนจับอาบน้ำ มันจะยืนตัวแข็งทื่อให้เราชำระล้างได้อย่างง่ายดาย แต่พออาบเสร็จ มันก็ไปคลุกฝุ่นเล่นอยู่ดี
หมีชอบกินของหวานทุกชนิด ไอติม ขนม ทุเรียน
ผมชอบเล่นกับหมี ชอบให้ลูบหัว เล่นวิ่งหนีให้มันวิ่งตาม แต่มีอยู่อย่างเดียวที่ผมทำกับหมีได้ไม่บ่อย หมีไม่ชอบให้คนอุ้มตัวมัน
บ่ายวันนั้น.. ผมสตาร์ทรถยนต์ เตรียมตัวไปขายของ หมีนอนหมอบอยู่ข้างล้อหลัง ปรกติหมีจะลุกเดินหนีไปนอนที่อื่น แต่วันนั้นหมีนอนนิ่ง
ผมรีบเดินลงไปดูว่าหมีเป็นอะไร หมีนอนกระดิกหางไปมา ค่อยๆยกหัวมามองหน้าผม ผมจำแววตาคู่นั้นได้ดี แววตาที่แฝงไปด้วยความเศร้ามีน้ำตาคลอๆ... ผมลูบหัวมันช้าๆ พูดเบาๆว่า"ไหวไหม?" หมีสบตาผมอยู่พักใหญ่ แล้วหมีก็ลุกขึ้นเดินโซเซไปนอนหน้าบ้าน
กว่าจะเลิกขายของผมก็กลับบ้านมาก็ดึกดื่น เปิดประตูเข้าบ้าน น้องผมเดินมาบอกว่า หมีตายแล้ว... ผมยิ้มแบบดีใจกึ่งเสียใจ ดีใจที่หมีไม่ต้องทุกข์ทรมานแล้ว แต่ก็เสียใจที่ต้องเสียหมีไป ตลอดเวลา14ปี ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนกัน
หมีนอนตายอยู่ข้างบ้าน ผมนั่งลูบหัวมันอยู่นาน ใจก็คิดถึงเหตุการณ์เก่าๆ การพลัดพรากมันน่ากลัวแบบนี้นี่เอง
ผมขุดหลุมที่หน้าบ้าน ขุดไปก็คิดไปเรื่อย เสียใจ..
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำและผมก็กำลังจะได้ทำสมใจแล้ว ผมอุ้มหมีได้อย่างสนิทใจ ไม่ต้องกลัวมันดิ้นหนีอีกแล้ว
ผมค่อยๆวางหมีลงในหลุม หมีส่งเสียงเรอส่งท้ายเบาๆ(ผมคงไปกดโดนท้องมัน ทำให้ลมในท้องเรอออกมา) ผมลูบบหัวหมีเป็นการลาครั้งสุดท้าย..
ผมเกลียดความสูญเสีย เกลียดการจากลา ยิ่งผูกพันธ์มากเท่าไหร่ ตอนลาจากก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น
เราเสียน้ำตาให้กับการพลัดพรากมาเท่าไหร่กัน เราเวียนว่าย วกวน พบเจอ ลาจาก พลัดพราก เราอยู่ในวัฎสงสารนี้มานานเท่าไหร่
...
...
แล้วทำไมเราไม่หาทางออกจากวัฎสงสารนี้...