วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ผม....ตอนที่1



            เขียนบทความไม่ยากเท่าการหารูปมาขึ้นหัวบทความ แล้วไอ้คนที่นั่งยิ้มในรูปท่ามกลางขุนเขามันคืออะไร?? ตอนนี้จะเขียนเกี่ยวกับ"เส้นผม" และผมก็เชื่อว่าทุกๆคนรักผม(เส้นผม) เพราะดูรอยยิ้มของนายแบบในรูป จะเป็นรอยยิ้มที่แอบแฝงไปด้วยความเศร้าหมองเมื่อถูก"โกนผม" รอยยิ้มที่สุดแสนจะเจื่อนๆนี้ มันบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ต่างได้มากมาย แต่เอาเถอะ..!! โกนๆให้เสร็จไป เดี๋ยวก็ไปบวชแล้ว
           บุคคลในภาพ คือ น้องผมเองครับ เขาเป็นคนรักธรรมชาติ ผมจึงรวบรวมฝีมือทั้งหมดใช้PS6(นั่งทำนานมาก) ตัดต่อภาพให้นายแบบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยที่มีใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบเจื่อนๆรวมอยู่ด้วย ผมอยากจะสื่อถึงความรักของทุกๆคนที่มีต่อเส้นผมนั่นเอง
            ร่างกายคนเราเริ่มพัฒนาขึ้นเหมือนเส้นกราฟที่ค่อยๆพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ร่างกายหยุดพัฒนา เส้นกราฟก็จะค่อยๆตกลง และตอนนี้ตัวผมอยู่ในช่วงเส้นกราฟทิ้งดิ่ง
           ร่างกายของผมตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มจะเสื่อม และที่เสื่อมหนักที่สุดเลย ก็คือ “เส้นผม”
           ผมมักจะชอบนั่งดูภาพถ่ายของผมตอนอายุ4-5ขวบ ผมจะมีความสุขหรรษามาก ไม่ใช่เพราะผมเป็นเด็กน่ารักน่าชังอะไรหรอกนะ แต่เพราะตอนนั้นผมมี “ผมตรง”
           เด็กชายหน้ากลมผมรองทรงหน้าม้าปิดหน้าผาก ดูกี่ทีก็เท่ระเบิด แต่...เมื่อเวลาผ่านไป สปีชี่ของผมก็เปลี่ยนไป
           ผมกลายเป็นเด็กหนุ่มผมหยักศก  และมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้าเส้นผมของผมมันจะหยักศกเท่ากันทั้งหัว เพราะว่าถ้าผมไว้ผมยาว ผมก็จะมีทรงเหมือน “พี่เสกโลโซ”(ขอเหมือนแค่ทรงผมก็พอนะ) แต่...ปัญหามันอยู่ที่ผมมีผมหยักศกเป็นลอนอยู่เฉพาะด้านหน้า คือ อารมณ์มันสบสันระหว่างจะเสยขึ้น แม้ง..หัวก็เถิกอีก หรือ จะหวีลงก็มาซะเป็นคลื่นเลยทีเดียว บทสรุปของทรงผมที่ทำได้คือ ปัดเฉียงๆไปทางซ้ายมือ
           ตอนเด็กๆ พ่อมักจะล้อผมว่า ไอ้ผม”วัวเลีย” ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรหรอก วัวเลียก็เลียไปดิ ที่บ้านก็ไม่ได้เลี้ยงวัวจะกลัวอะไร เติบโตขึ้นมาถึงจะเข้าใจ แต่ก็แอบสงสัยอยู่นะว่า ตอนเราเด็กๆเราเคยโดนวัวมาแอบเลียหัวหรือเปล่าวะ?
          ถ้ามีวัวมาแอบเลียผมจริงๆ อยากบอกพี่วัวตัวนั้นว่า พี่ครับ ช่วยกลับมาเลียหัวผมใหม่ได้ไหม ช่วยเลียผมให้ทั่วทั้งหัวเลยนะ จัดให้หนักๆ เลียให้เลี่ยมไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ
          แต่ข้อดีของ วัวเลีย มันก็มีนะ คือ ตั้งแต่เรียนม.ต้น ผมไม่เคยโดนครูตรวจผมแล้วจะไม่ผ่านเลยซักครั้ง (ก็ตัดสั้น ไถข้างหลังขาว มีผมแปะอยู่ข้างหน้าหน่อยนึง พอแล้ว) และการที่จะมีผมสั้นตลอด มันก็ต้องเข้าไปร้านตัดผมบ่อยๆ
          ตอนเด็กๆผมไม่ชอบไปร้านตัดผม ผมไม่ชอบบรรยากาศภายในร้าน อยากไปร้านอื่นก็ไปไม่ได้ เพราะแถวบ้านมีร้านเดียว  ร้าน”ตาอึ่ง” รับตัดผมชาย แกชอบกินน้ำชา และก็จะมีชุดน้ำชาวางที่โต๊ะรับแขก มีหนังสือ”อาชญากรรม” เอาไว้ให้อ่านเพื่อฆ่าเวลา(ฆ่าจริงๆ เลือดสาด..) มาถึงตรงนี้ผมไม่เข้าใจ ถ้าแกชอบอ่านแนวนี้ ทำไมแกไม่ไปอ่านแบบเร้าใจๆคนเดียว จะต้องมาวางไว้ให้พวกลูกค้าเร้าใจก่อนขึ้นตัดผมเหรอไง  แต่ก็เอาเถอะ ยังดีที่มีหนังสือขายหัวเราะวางแซมๆอยู่บ้าง
           ถ้าผมต้องไปตัดผมพร้อมกันกับเพื่อนๆ ไอ้อ็อด(มันมาอีกแล้ว)มันจะชอบเปิดหนังสืออาชญากรรมหน้ากลางยื่นมาให้ผมมอง  ซึ่งไอ้หน้ากลางนี้จะเป็นภาพศพตามอิริยาบถต่างๆ ภาพสีสันสดใส ชัดเจน ผมก็จะเบือนหน้าหนี ปิดตาเพราะไม่อยากดู
           ขอบคุณอ็อดมากๆ ที่ทำให้ปัจจุบันกูกลัวเลือด...
           ตาอึ่ง ใส่แว่นหนาๆ ตัดผมมากี่ปีไม่รู้ แต่ผมตัดกับแกมาตั้งแต่ผมจำความได้ ผมจะมีอาการเกร็งตลอดเวลา ที่แกกันผม(เอามีดโกนขูดๆตรงขอบๆผม) ผมกลัวว่ามันจะพลาดมาโดนหู หรือไม่ก็บาดเป็นแผล
          โอ้...เลือดสาด
          อาจจะเป็นเพราะผมถูกบิ้วอารมณ์มาจากไอ้หนังสือ อาชญากรรม ก็เป็นได้
          เรื่อง ตาอึ่ง ตัดผมเบี้ยว ตัดไม่เกลี้ยง เรื่องพวกนี้ ชิลๆครับ เพราะเป็นทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังเป็นเด็กอยู่ แต่มันก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่แกทำแบตเตอเลี่ยนบาดหูของลูกพี่ลูกน้องผม ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในร้านน่ากลัวหนักไปอีก  
          ....เลือดสาด !!!
           ทุกวันนี้ถ้าผมมีโอกาสผ่านร้าน ตาอึ่ง (ปัจจุบันตาอึ่งเสียชีวิตแล้ว) ผมจะนึกขอบคุณ ตาอึ่ง  ที่สอนผมให้รู้จัก”อสุภกรรมฐาน” ที่มาในรูปแบบหนังสือ อาชญากรรม ขอบคุณจริงๆครับ
          ปล.ภาพหัวบทความ มาจากภาพงานบวชของเก้าครับ (น้องชายชื่อ เก้า)

           
       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น